Friday, January 29, 2010
ไปวัดเขาวง+พระพุทธบาท
ทาทาไปเอาทะเบียนบ้าน ช่วงเที่ยงเลยไปวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) แถวหน้าพระลาน
วัดเงียบสงบ ร่มรื่นมาก
มีข้อห้ามเยอะแยะ
มีกระรอกสีขาวเยอะแยะเลย วิ่งกันวุ่น
แล้วก็ไปพระพุทธบาท
แล้วแวะกินข้าวมันไก่ที่ตลาดหน้าพระพุทธบาท
เสร็จแล้วไปเอาทะเบียนบ้าน
ระหว่างรอหน้าบ้าน มีหมากับแกะเดินออกมาจากซอย
แกะตัวนั้นเดินตามหมาตลอดเลย เป็นหมาเลี้ยงแกะ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้
Wednesday, January 27, 2010
แปลจดหมายของแสบ
แปลจดหมายของแสบเป็นภาษาอังกฤษ เขียนถึงคนให้ทุนที่ฝรั่งเศส แล้วเขาจะอ่านรู้เรื่องมั้ย
มีเว็บด้วย
http://listedesenfantsetparrains.blogspot.com/
Dear Mr. and Mrs. MARTEAU,
I heard that the weather in
Yours sincerely,
Sorasak Samak-karn.
ไปโคราช (ทำงาน)
ไปโคราช
นัดไดซินไว้จะไปดูแม่พิมพ์
ออกจากโรงงาน 9 โมงครึ่ง ขึ้นรถตู้ไปกับคนขับ
คนขับรถบอกว่า นึกว่าจะไปนวนคร
ฝนตกตลอกทางเลย
กว่าจะไปถึงโคราชก็เที่ยง ว่าจะแวะ BigC ก็ขับรถเลย
สรุปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางก่อนถึงทางเข้านิคม ชามใหญ่มาก 30 บาท
อยู่ไดซินแค่ ชั่วโมงเศษๆ กลับประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง
ขากลับแวะซื้อหมูแผ่นเจ้าสัว + ไส้กรอกอิสานที่ปั๊มปตท. NGV (เลยตัวเมืองมาไกลมาก) 2 ห่อ ห่อละ 100 แพงกว่าที่หน้าย่าโมปีที่แล้ว (90 บาท)
คนขับไม่ได้ดั่งใจเลย
กว่าจะกลับถึง 5 โมงครึ่ง
ไปรับวีซ่า
ไปรับวีซ่า
ขึ้นรถไฟใต้ดินจากบางซื่อลงสถานีลุมพินี
ถึงสถานทูตบ่าย 2 โมง
เข้าไปห้องเดิม กดบัตรคิว B ได้เบอร์ B127 มีเปิด 2 เคาน์เตอร์
จะเรียกบัตรคิวทีละ 10 หมายเลข โดยใน 10 หมายเลขนี้ใครเข้าแถวก่อนได้ก่อน
พอถึงคิวเราก็ยื่นใบนัดรับ พร้อมบัตรคิวให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ก็จะถามชื่อเจ้าของ passport
เสร็จแล้วก็แจ้งจำนวนเงิน 2 คน 2000 บาท
จากนั้นก็รับ passport พร้อมใบเสร็จคืนมา
ได้วีซ่าแบบ 90 วัน รวมแล้วใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ไปซื้อตั๋ว JR pass ต่อที่ HIS tour
นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานีสุขุมวิท เดินข้ามถนนผ่านทางสถานี BTS อโศก ถึงตึก Timesquare
ตรงเข้าไปที่ลิฟท์ ขึ้นชั้น 11
ทาง HIS ขอ passport เพื่อสะกดชื่อให้ถูกต้อง ราคาวันนี้ใบละ 10,100 บาท ใช้ rate 35.69 !!! [rate วันนั้นที่ ร้าน super rich = 36.70]
ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็เสร็จ เป็นไปตามคำโฆษณาว่าสามารถออกตั๋วได้เลย
แล้วด็ต่อ BTS ไปสถานีชิดลมแลกเงิน แล้วก็กลับ
รวมแล้วหมดค่ารถไฟฟ้ารวมไป 139 บาท
ไปทำวีซ่าญี่ปุ่นมา
18 Jan 2010
ไปทำวีซ่าญี่ปุ่นมาครับ จะไปกัน 2 คน
นั่งรถไฟใต้ดินจากบางซื่อ ลงลุมพินีฝั่งสวนลุม เดินไปถึงสถานทูต 8 โมงเศษๆ เข้าไปผ่าน รปภ. เครื่องตรวจโลหะ
เจ้าหน้าที่ยังไม่ทำงาน
ตอนแรกเข้าไปผิดห้อง แม่บ้านมาถามว่าเป็นคนญี่ปุ่นหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยต้องไปอีกห้อง
เข้าไปถึงกดบัตรคิว ได้เบอร์ A024 แล้วไปนั่งรอเลย เพราะกรอกเอกสารมาครบแล้ว
8 โมงครึ่งเจ้าหน้าที่เริ่มทำงาน ไล่เรียกตั้งแต่เบอร์ A001 ไป เห็นมีเปิดประมาณ 5 เคาน์เตอร์
ประมาณ 9 โมงเศษๆ ก็ถึงคิวเรา ไปถึงเคาน์เตอร์ก็ยื่นเอกสารเข้าไปให้ทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ : “ไปทำงานหรือค่ะ ปกติเจ้าหน้าที่ที่บริษัท...จะมายื่นตอนบ่ายนี่”
( ตอนไปทำใส่ชุดฟอร์มไปด้วย )
เรา “ไปเที่ยวน่ะครับ”
เจ้าหน้าที่ “ไปเองหรือบริษัทให้รางวัลค่ะ.”
เรา “ไปเองครับ ช่วงสงกรานต์”
เจ้าหน้าที่ “มีเพื่อนหรือญาติ อยู่ที่โน่นหรือค่ะ”
เรา “ไม่มีครับ”
เจ้าหน้าที่ “ไม่มีเพื่อนหรือญาติ แล้วไปกันเองหรือค่ะ อ๋อ.. คุณเคยไปมาแล้ว แต่นานแล้วนี่”
เรา “ครับ ไปตอนยังเด็กๆ อยู่ “
เจ้าหน้าที่ “พูดภาษาญี่ปุ่นได้หรือเปล่าค่ะ”
เรา “ไม่ได้ครับ”
เจ้าหน้าที่ “พูดญี่ปุ่นไม่ได้ แล้วไปเองจะสะดวกหรือ “
เรา “ก็ดูข้อมูลในหนังสือกับอินเตอร์เน็ตเอาครับ”
เจ้าหน้าที่ “คุณเคยเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า”
เรา “ไม่เคยครับ”
เจ้าหน้าที่ “ครั้งที่แล้วใช้ passport เล่มเก่านี้ใช่มั้ยค่ะ”
เรา “ใช่ครับ แต่ชื่อภาษาอังกฤษ เล่มเก่ากับใหม่สะกดไม่เหมือนกันนะครับ”
เจ้าหน้าที่ “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนั้นไปกับพ่อแม่หรือค่ะ ไปทำอะไร”
เรา “ไปเที่ยวครับ ไปกับคุณปู่”
ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ก็ตรวจเอกสาร คืนสำเนาบัตรประชาชนให้ บอกว่า “ไม่ได้ใช้ค่ะ”
เห็นเขียนรูปดาวที่หัวใบคำขอเราด้วย ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แล้วก็คืน paperclip ให้ด้วย
เจ้าหน้าที่ “แล้วน้องผู้หญิงไปด้วยกันใช่มั้ยค่ะ”
ทาทา “ค่ะ”
เจ้าหน้าที่ “อ๋อ..ไม่เคยไป จะไปครั้งแรก แผนเที่ยวเหมือนกันใช่มั้ยค่ะ”
เรา “ครับ”
เจ้าหน้าที่ “ถ้าเหมือนกัน ใช้ใบเดียวก็พอค่ะ “
เจ้าหน้าที่ “เดี๋ยวจะรีบส่งเอกสารให้ท่านกงสุลดู แล้วคุณรอเรียกหมายเลขตามบัตรคิว ที่เคาน์เตอร์ด้านหลัง เพื่อรับใบนัดฟังผลค่ะ”
เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอ เจ้าหน้าที่ก็จะทยอยเรียกบัตรคิวเป็นชุดๆ เข้าไปด้านหลังเพื่อรับใบนัดฟังผล ไปวันจันทร์ ใบนัดได้วันพุธ
ออกจากสถานทูตประมาณ 10 โมง
กลับมาถึง ก็รู้ตัวว่าวันพุธไม่ว่างเข้าไปรับ เลยโทรไปถามว่าถ้าไม่สะดวกจะไปรับวันศุกร์ได้มั้ย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า “ดั้ยค่ะ แต่ต้องเป็นบ่ายมงครึ่ง ถึง 4 โมงเย็น เท่านั้นนะคะ” ฟังสำเนียงเจ้าหน้าที่น่าจะเป็นคนญี่ปุ่น