Thursday, August 28, 2008

กินกุ้งตลาดกลาง

28 Aug 2008

วันนี้ไปกินกุ้ง ที่ตลาดกลางเพื่อเกษตรกร อยุธยาครับ

เลิกงานก็ขับรถไป ประมาณ 5โมงครึ่ง
ตลาดกลางอยู่ห่างจากต่างระดับบางปะอินประมาณ 25 กม.
ผ่านโลตัสอยุธยาแล้วตรงมาเรื่อยๆ เลี้ยวออกทางขนานตรงป้ายบอกทางราชมงคลสุวรรณภูมิ แล้วตรงไปกลับรถใต้สะพาน
พอกลับรถ เมื่อผ่านปั๊ม ปตท. แล้วชิดซ้ายสักพักก็จะเจอแล้วครับ



ในนี้กุ้ง กก. ละ 280 บาท

ของเราแบบนี้ กก.ละ 180 บ.


กุ้งเผา 1 กก. ( 180 บ.) ล้นจานเลย

ต้มยำรวมมิตร ( 120 บาท)

ปลาช่อนน้ำตก ( 150 บาท) ปลาช่อนทอดราดน้ำยำ


ข้าวผัดกุ้งจานเล็ก ( 40 บาท)



ซาก...



เห็นอย่างนี้มาแค่ 2 คนนะครับ
ของเหลือกลับบ้าน

หน้าร้าน ( โชคอำนวย สาขา 3 ต้องสาขานี้เท่านั้น )

สภาพตลาดก่อนวาย ประมาณทุ่มครึ่ง

ร้านนี้ก็อร่อย (กุ้งเพื่อนแพรว)

Saturday, August 23, 2008

Korea trip เกาหลีฟีเวอร์

30 Nov - 3 Dec 2005

เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกในรอบสิบกว่าปี เป็นช่วงที่แดจังกึมกำลังดังที่เดียว
ไป Audit supplier กับ พี่เปิ้ล QC
ครั้งนี้จัด trip เองครับ แม้แต่เที่ยวบิน รวมทั้งเวลาไป-กลับ
หลังจากคะยั้นคะยอ Emily(คนสิงคโปร์) ให้ไปด้วย ก็ตกลงครับ


ออกเดินทางช่วงเช้า ไปแวะต่อเครื่องที่ไต้หวัน ( ก็หาเที่ยวบินเองนี่ เลยเลือกแวะหลายที่ )
ถึงสนามบินอินชอน เกาหลีก็เย็นพอดี
หา Emily กับ Sean (คนเกาหลี) ไม่เจอ เลยซื้อบัตรโทรศัพท์ เดินวนหาอยู่นาน
เลยไปถามที่ counter ปรากฏว่าเครื่องขายอยู่ข้างหลังเราเองครับ จ่ายไปหมื่นวอน
พอไปโทรก็ใช้ไม่เป็นอีก พอดีมีลุงคนเกาหลีผ่านมาเลยช่วยโทรให้ (เขาก็พูดอังกฤษไม่ได้นะ แต่เรายื่นนามบัตรของ Sean ให้)
สักพัก Sean กับ Emily ก็มาเจอกัน พากันไปขึ้นรถ sedan ของ Sean
เราก็เลือกนั่งหน้าครับ ก็เดินไปที่ประตูปรากฏว่าเป็นพวงมาลัยซ้าย 555 จะไปนั่งที่นั่งคนขับซะนี่

ระหว่างนั่งรถเข้าเมือง Emily ก็ถามถึงโรงแรมว่าคิดว่ายังไง เพราะจอง Hilton ให้เรา คืนละ 8000 บาท/ห้อง
*ด้วยความเป็นคนดีของเราจะช่วยบริษัทประหยัดเลยตกลงว่าจะไปพักใกล้ supplier plant แทน 2 คืน คืนละ 4000 บาท (ถูกแล้วนะ) เดี๋ยวคืนสุดท้ายจะได้มาพัก Hilton เพราะอยู่ในเมืองใกล้สนามบินกว่า


โรงแรมที่เลือกใหม่นี้มีชื่อเป็นภาษาเกาหลี อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมครับ Ansan city
พอถึงแล้วก็คิดได้ว่า... คิดผิดครับ เพราะแม้แต่หน้าโรงแรมก็ยังไม่เปิดไฟเลย
แต่สภาพในห้องก็พอดูได้ทีเดียว แต่ไม่มีอาหารเช้า

จากนั้น Sean ก็พาไปกินอาหารเกาหลี ที่หลังโรงแรม หลักๆ ก็กิมจิครับ



เช้าวันที่ 2
ไปหาของกินครับหลังโรงแรม มี 7-11 ก็ได้อาหารเช้ามาตามรูปเลย

7-11

อาหารเช้าวันที่ 2

Audit อยู่ วันเดียว จริงๆ ทาง supplier พยายามดัน ไม่อยากให้เรา audit เยอะ
แต่ก็เลี้ยงอาหารเต็มที่ครับ ไปกินหมูย่างเกาหลีกันหลายมื้อ

ถ่ายกับ Emily หน้า plant

ก่อนออกจากเมืองนี้ก็ไปกินที่ร้านไม้ไผ่ครับ
ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ทั้งนั้นเลย

ข้าวหลามก็มี
แต่ข้างในไม่เหมือนข้าวหลามนครปฐมนะ

ในน้ำดื่มมีอะไรก็ไม่รู้

ถ่านไม่ไผ่นั่นเอง ไว้ดูดสารพิษ และกลิ่น
3 ถ้วยนี้อร่อยดี
ที่เป็นน้ำซุป รสชาติเดียวกับแกงไตปลาเลย
กิมจิเต็มโต๊ะเลย
คล้ายๆ หอยแคลง
กินเสร็จถ่ายรูปกับ Sean หน้าร้าน

เข้าโซลกัน ไปเช็คอินที่ Millennium Soeul Hilton
คืนละ 8000 บาท!
เดินไปเที่ยวที่นัมแดมุน ห่างจากโรงแรม 10 นาทีได้
เดินดูของสักพัก
ก็ขอแยกกันกับ Sean, Emily
พากันกลับโรงแรมก่อนเพราะอากาศเริ่มหนาวมาก ไปเติมชุด

ศาลเจ้าริมทางไปนัมแดมุน

Shopping กันนาน
เริ่มหิว มื้อนี้ต้องจ่ายกันเองครับ
ได้เต็นท์ริมทางใน นัมแดมุน ป้าแกก็พูดกับเราไม่รู้เรื่อง ก็ชี้ๆ เอา


ได้อาหารมา 3 อย่าง ok เลย เห็นอย่างนี้ก็ราคาไม่ถูกนะครับ
เช้าวันสุดท้ายรีบตื่น ไปกินอาหารเช้า แล้วขึ้น shuttle bus ของโรงแรมไปสนามบิน ไม่มีคนไปส่ง
แน่นอนเที่ยวบินขากลับแวะสนามบินฮ่องกง ให้เรา shopping กันได้อีก

กลับมาถึงจึงรู้ได้ว่าลืมสิงฆ์เมตตามหาบารมี ของหลวงพ่อพูลวัดไผ่ล้อม กับยันต์เกราะเพชร ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ไว้ที่โรงแรม เลย e-mail ไปทางโรงแรมก็จัดส่งไปรษณีย์มาให้ โชคดีจริงๆ

Friday, August 22, 2008

อบรมที่ มสธ

อบรมประสบการณ์วิชาชีพกฎหมายที่ มสธ 5 วัน 4 คืน
5-9 July 2008


เทอมสุดท้ายก่อนจบครับ
ได้อยู่กลุ่ม 1 ของอาจารย์วิมาน (ปกติอาจารย์ดูแลวิชากฎหมายพาณิชย์ 1)
งานนี้นอนดึกเกือบทุกวัน
แล้วก็กินทั้งวันเลย มีมื้อดึกด้วย เบ็ดเสร็จ 2020 บาท ทั้งที่พักและอาหาร

พักห้องนอน ห้องละ 4 คน
กลัวตกเตียงเหมือนกัน


ห้องเรียนของกลุ่ม เตรียมคดียุ่งมาก กว่าจะได้นอน เกือบเที่ยงคืน


ศาลจำลอง ผู้พิพากษาตัวจริงมาครับ
กลุ่ม 1 ฝ่ายเราเป็นอัยการโจทก์
กลุ่ม 2 เป็นจำเลย



วันสุดท้ายมอบของที่ระลึกให้อาจารย์ โดย หัวหน้ากลุ่ม พี่สมใจ ปลัดอำเภอที่ปราจีน ครับ


Review ข้อสอบกฎหมายแพ่ง 3

กฎหมายแพ่ง 3 ครอบครัว-มรดก
ภาคพิเศษ เมื่อ 3 ส.ค.2551

หลังจากลงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
ถ้าครั้งนี้ไม่ผ่านคงจะลงได้อีกทีภาคพิเศษปีหน้า เพราะวิชานี้เปิดภาค 1(เลยเวลาลงทะเบียนเพิ่มไปแล้ว) และ ภาคพิเศษเท่านั้น



Review ข้อสอบ
1. นายสมัยอายุ 28 ปี นางสาวลินจงอายุ 19 ปี นายสมัยขอหมั้นนางสาวลินจงต่อบิดามารดาของนาวสาวลินจงและนางสาวลินจงก็ยินยอมด้วย
โดยมีของหมั้นคือสร้อยเพชร 1 เส้น มอบให้ไว้ และนายสมัยตกลงว่าจะให้ทองคำหนัก 10 บาทแก่บิดามารดาของนางสาวลินจงด้วยเพื่อตอบแทนการที่นางสาวลินจงยินยอมแต่งงานด้วย โดยจะให้ก่อนวันสมรส
ก่อนสมรสนางสาวลินจงไปตรวจร่างกายพบว่าตนเองเป็นวัณโรคขั้นรุนแรง จึงบอกแก่นายสมัยไป แต่นายสมัยก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่นางสาวลินจงกลับบอกเลิกสัญญาหมั้นและไม่ยอมคืนของหมั้นด้วย
ส่วนบิดามารดาของนางสาวลินจงก็มาทวงทองคำหนัก 10 บาทกับนายสมัยด้วย
จงให้คำปรึกษาแก่นายสมัย

ตอบ
การหมั้นเกิดโดยสมบูรณ์ คือผู้เยาว์ได้รับความยินยอมจากบิดาและมารดา และมีของหมั้นส่งมอบขณะหมั้น
นางสาวลินจงเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นต้องคืนของหมั้นส่วนทองคำหนัก 10 บาท ซึ่งเป็นสินสอดนายสมัยไม่ต้องให้แก่บิดามารดาของนางสาวลินจงเพราะไม่มีการสมรส
เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่ฝ่ายหญิงต้องรับผิดชอบ

///////////////////////

2. นาย A ชอบเล่นการพนัน ต้องการสมรสกับนางสาว B จึงได้ทำสัญญาก่อนสมรสไว้ต่อนางสาว B ว่าตนเองจะไม่เล่นการพนันอีกเลยเด็ดขาด ถ้ากลับไปเล่นอีกให้นางสาว B ฟ้องหย่าได้้
หลังจากนาย A สมรสก็กลับไปเล่นการพนันอีก ภริยาของนาย A จะใช้สัญญาดังกล่าวฟ้องหย่านาย A ได้หรือไม่ และถ้าได้ทำสัญญาไว้ภายหลังจากสมรสแล้วจะให้ผลแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร

ตอบ
สัญญาก่อนสมรสดังกล่าวถือเป็นทัณฑ์บนตามเหตุฟ้องหย่า (8) เมื่อผิดทัณฑ์บนเรื่องความประพฤติ ภริยาของนาย A ใช้เป็นเหตุฟ้องหย่าได้
ส่วนถ้าเป็นการทำสัญญาภายหลังการสมรสแล้วก็ยังให้ผลเช่นเดียวกันคือเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
**ข้อนี้ไม่แน่ใจตรงที่ว่า คำว่าทำสัญญา ในข้อสอบนั้นจะถือว่าทำเป็นหนังสือหรือไม่ เพราะในตัวบท (8) บอกว่าทัณฑ์บนทำเป็นหนังสือ
**ส่วนที่ว่าทำก่อนสมรสนั้น มีฎีกาในหนังสือบอกว่าเป็นทัณฑ์บนฟ้องหย่าได้


//////////////////////

3. นายดำมีพี่ร่วมบิดาเดียวกัน 3 คน คือ นายขาว นายเขียว และ นางแดง นายดำตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ นายดำมีทรัพย์สินคือ เงินฝากธนาคารจำนวนหนึ่งล้านบาท
สร้อยเพชรและทรัพย์สินอื่นๆ รวมแปดแสนบาท หลังจากนายดำตาย นายเขียวปิดบังเงินฝากของนายดำจำนวนหกแสนบาทโดยไม่ให้ทายาทอื่นรู้ว่ามีทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ ส่วนนางแดงได้ยักย้ายสร้องเพชรมูลค่าสองแสนบาทไปใช้ส่วนตัวโดยไม่ให้ทายาทคนอื่นรู้ จงแบ่งมรดกของนายดำ

ตอบ
นายดำไม่ได้ทำพินัยกรรม ทรัพย์มรดกจึงตกแก่ทายาทโดยธรรม
ทายาทโดยธรรมของนายดำมีลำดับเดียวคือ ลำดับ 4 พี่หรือน้องร่วมแต่บิดาหรือมารดาเดียวกัน
นายขาว นายเขียว และนางแดง มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเท่ากัน เพราะเป็นทายาทลำดับเดียวกัน โดยได้คนละ หกแสนบาทาย
แต่นายเขียวปิดบังทรัพย์มรดก ทำให้เสื่อมประโยชน์ทายาทอื่น เท่าส่วนที่ตนควรจะได้ จึงถูกกำจัดไม่ให้รับมรดกเลย
ดังนั้นส่วนของนายเขียวจึงต้องแบ่งให้ทายาทที่เหลือ คือนายขาว และนางแดงคนละครึ่ง คือ สามแสนบาท
ส่วนนางแดงยักย้ายทรัพย์มรดกน้อยกว่าส่วนที่ตนควรจะได้คือสองแสนบาทจึงถูกกำจัด
ไม่ให้รับมรดกเท่ากับสองแสนบาท
ดังนั้นต้องนำส่วนสองแสนบาทนี้ไปให้ทายาทที่เหลือคือนายขาว (ส่วนนายเขียวนั้นถูกกำจัดไปหมดแล้ว จึงไม่มีสิทธิเลย)
สรุปว่า มรดกของนายดำจะแบ่งเป็น
ให้นายขาว 600,000+300,000+200,000=1,100,000 บาท
ให้นางแดง 600,000+300,000-200,000=700,000 บาทาท

//////////////////////
ตอนแรกเก็งว่าเรื่องหย่าไม่น่าจะออกสอบ เพราะดูข้อสอบเก่าแล้วมักจะออกเรื่องบุตรชอบด้วยกฎหมาย

วิชานี้ผมอ่านคำบรรยายของเนติด้วย เพราะหนังสือ มสธ ปรับปรุงไม่ทัน หลายเรื่องมีฎีกาออกมาชัดเจนแล้วแต่ในหนังสือยังบอกว่ามีหลายความเห็น
แต่ที่น่าสนใจคือ ตัวอย่างการแบ่งมรดกที่คล้ายๆข้อสอบข้อ 3 ข้างบนนี้ ในหนังสือ มสธ ซึ่งออกมา สิบกว่าปีแล้ว เหมือนกันทุกตัวเลขกับคำบรรยายเนติเมื่อปีที่แล้วเลย

มีข้อสังเกตุอีกว่าปัจจุบัน ปพพ. ครอบครับ มีแก้ไขบางเรื่องแล้ว เช่น 1557 ให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่เด็กเกิด หรือ 1598/37 กรณีผู้รับบุตรบุญธรรมตายให้บิดามารดา กลับมามีอำนาจปกครองได้ทันที
เพื่อนๆพี่ๆใครเคยเรียนผ่านไปแล้วระวังจะจำของเก่าไปนะครับ

เหลืออีก 2 วิชาตุลานี้ ยังไม่ได้เริ่มเปิดหนังสือเลย (พาณิชย์ 1 + ประสบการณืวิชาชีพ )

Sunday, August 17, 2008

Mae Pim Trip (Rayong) แหลมแม่พิมพ์ ระยอง

March 2006



Koh Man Nai







Near Koh Man Klang





์At Mae Pim Beach



In the sea